|
ความสัมพันธ์ของระบบ
ERP Software กับระบบจัดตารางการผลิตและการวางแผนขั้นสูง (Advanced Planning
& Scheduling) สู่การสร้างโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับโลกจุดเริ่มต้นสำหรับประเทศไทย
Simulation
กับนักบริหาร
|
แนวทางในการเลือกระบบ ERP (อีอาร์พี) ที่เหมาะสมกับองค์กร ผู้เขียน:
ชนะ สุพัฒสร และ ยงยุทธ ลิขิตพัฒนะกุล ............................................................................................
ความสำคัญของ
ERP Plus(อีอาร์พี) ต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ในปัจจุบัน ได้มีการขยายนิยามของคำว่า ERP อีอาร์พีไปเป็น Extended ERP อีอาร์พี หรือ ERP Plus อีอาร์พีพลัส ซึ่งหมายถึงการครอบคลุมความสามารถอื่น ๆ ในระบบ คือระบบ ซีอาร์เอ็ม CRM ซึ่งหมายถึงการบริหารทรัพยากรต่าง ๆ ขององค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งก่อนขาย เช่น ระบบการขายเชิงรุก (Sales Force Automation) และหลังการขาย เช่น ระบบสนับสนุนลูกค้า (Customer Support) ระบบ ERP Plus อีอาร์พีพลัส เป็น Software ERP ที่ใช้ในการควบคุมกระบวนการทางธุรกิจต่างๆ (Business Processes) ภายในองค์กรเกือบทุกจุดไม่ว่าองค์กรจะมีการทำธุรกรรมแห่งเดียวหรือหลายแห่ง ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตการจัดจำหน่ายและการเงิน และรวมไปถึงระบบสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหาร (Executive Information System) ดังแสดงในรูปภาพที่ 1 Extended Enterprise Solution and Customer Service ................................................................................................... 1.
การใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปหรือการพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมาเอง
ดังนั้นซอฟต์แวร์สำเร็จรูปจึงเป็นทางเลือกที่เร็วกว่าในการประยุกต์ใช้ให้เข้ากับองค์กรได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว
จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการนำระบบ ERP อีอาร์พีไปปฏิบัติ หลักฐานอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นก็คือ
การเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ERP อีอาร์พีสำเร็จรูป และความนิยมที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางภายในเวลาอันรวดเร็ว 2.
เทคโนโลยีและการออกแบบสถาปัตยกรรมของอีอาร์พี (ERP
Software) 3.
ฟังก์ชั่นของอีอาร์พี (ERP
Software)จะต้องตอบสนองและสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจขององค์กร
4.
การแก้ไขซอฟต์แวร์ด้วยตนเอง (Customization) 5.
การบำรุงรักษาซอฟต์แวร์ (Software maintenance)
6.
ต้นทุนในการเป็นเจ้าของระบบ ERP อีอาร์พี(Cost of Ownership) |
ระบบการขายเชิงรุก อาวุธใหม่ของนักรบแห่งสนามการค้า การค้าขายในยุคพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้นการให้คำตอบที่ถูกต้องสำหรับการค้าขายได้อย่างรวดเร็วถือว่าเป็นหัวใจของการค้าในโลกยุคปัจจุบัน ระบบสารสนเทศกลายเป็นสิ่งจำเป็นของการให้คำตอบต่าง ๆ เหล่านั้นเพื่อรักษาและเพิ่มความพึงพอใจให้เกิดกับลูกค้าของคุณ ลองจินตนาการดูนะครับว่าถ้าหากคุณเป็นพนักงานขายที่กำลังรับผิดชอบงานขายชิ้นสำคัญ คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับองค์กรยักษ์ใหญ่ระดับชาติ และกำลังจะปิดการขายในโครงการสำคัญมูลค่าหลายล้านบาท คุณรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะกับผู้บริหารระดับสูงขององค์กรนั้นถึงกำหนดการส่งมอบและข้อตกลงราคาต่าง ๆ แต่เมื่อคุณเดินทางกลับมาที่สำนักงานคุณพบว่า รายการผลิตภัณฑ์ที่คุณนำเสนอไปนั้นไม่มีอยู่ในคลังสินค้า และของมีแนวโน้มว่าจะขาดไปอีกหลายอาทิตย์ ยิ่งไปกว่านั้นราคาก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้นกว่าเดิมอีกมากเนื่องจากมีการประท้วงของคนงานที่โรงงานทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ถีบตัวสูงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว! ลูกค้าของคุณโกรธมากทันทีที่ได้รับข่าวนี้เค้ายกเลิกคำสั่งซื้อขายทันทีและหันไปตกลงซื้อขายกับคู่แข่งของคุณแทน ปัญหาลักษณะนี้ของพนักงานขายเป็นที่รู้กันดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกำลังออกตลาด เค้าเหล่านั้นขาดข้อมูลสำคัญจากสำนักงานที่จะสามารถช่วยสร้างความสำเร็จในการปิดการขาย จึงทำให้พลาดโอกาสสำคัญและเสียลูกค้าไปบ่อย ๆ จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้วสำหรับผู้บริหารในยุคปัจจุบัน การเพิ่มประสิทธิภาพให้พนักงานขายของคุณเพื่อให้เค้าเหล่านั้นสามารถที่จะติดต่อสื่อสาร และประสานงานกับสำนักงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้นกลายเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจุบันมีการพูดถึงเทคโนโลยีในการสื่อสารเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวกันอย่างกว้างขวาง และซอฟต์แวร์ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในจุดนี้คือ ระบบการขายเชิงรุก (Sales Force Automation) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า SFA ซึ่งระบบที่ว่านี้เป็นเครื่องมือที่จะทำให้กระบวนการขายและการตลาดสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์สื่อสารไร้สายต่าง ๆ พนักงานของคุณสามารถทำรายการธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขาย เช่น การจัดตารางการนัดหมาย บริหารรายชื่อของลูกค้าที่ติดต่อ นำเสนอแผนโครงงาน นำเสนอโครงร่างผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ไม่เป็นที่แปลกใจเลยว่าในต่างประเทศความต้องการในการใช้ระบบการขายเชิงรุกมีเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการสำรวจทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท Ovum รายงานว่าการเริ่มต้นเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายของระบบการขายเชิงรุกเมื่อประมาณ 6 ปีก่อนในสหรัฐอเมริกาพบว่ามียอดจำหน่ายถึง 350 ล้านดอลลาร์ (? 17,500 ล้านบาท) และมีอัตราเพิ่มขึ้นเป็น 50% ทุกปีจนถึงปัจจุบันจากการรายงานของ Ovum พบว่ากระแสการตื่นตัวในการใช้ระบบการขายเชิงรุกนับเป็นการเติบโตที่รวดเร็วมากที่สุดในธุรกิจซอฟต์แวร์เลยทีเดียว แต่ทั้ง ๆ ที่ปริมาณเงินที่มากมายถูกทุ่มเทลงไปในการพัฒนาระบบการขายเชิงรุก ผู้ใช้กลับยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควรทั้งนี้เป็นเพราะว่า ระบบการขายเชิงรุกในอดีตเป็นระบบเดี่ยว (Stand Alone System) ไม่ได้เชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับระบบอื่น ๆ เช่นระบบบริหารทรัพยากรองค์ (Enterprise Resources Planning เรียกสั้น ๆ ว่า ERP) หรือระบบบริการหลังการขาย (Customer Support) ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องหากระบบต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้เชื่อมโยงเข้าหากัน การเชื่อมโยงคือหัวใจ ในต่างประเทศมีหลายบริษัทที่ได้นำเทคโนโลยีซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของซอฟต์แวร์
ERP Software นั่นคือซอฟต์แวร์ที่เป็น ERP Plus (คำว่า Plus ในที่นี้เป็นส่วนขยายเพิ่มเติมจากระบบ
ERP หมายถึงการเชื่อมโยงระบบ ERP
Software
เข้ากับระบบการขายเชิงรุกและระบบบริการหลังการขาย) จึงทำให้กระบวนการทำงานทั้งหมดของบริษัทถูกเชื่อมโยงข้อมูลเข้าหากันอย่างมีประสิทธิภาพ
และทันเวลา เพราะโดยปกติแล้วพนักงานขายจะต้องพยายามให้คำตอบที่แม่นยำที่สุด
เช่นว่า สินค้ามีหรือไม่? พร้อมจะมีเมื่อไร? และสามารถส่งมอบได้เมื่อไร?
คำถามเหล่านี้ส่งผลโยงใยมาถึงระบบซอฟต์แวร์ต้องสามารถให้คำตอบดังกล่าว
ข้อมูลทั่วทั้งองค์กรจะต้องถูกนำมาใช้ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางด้านสินค้าคงคลัง
การผลิต การวางแผนการผลิต ฯลฯ จากระบบ ERP หรือข้อมูลทางด้านการบริหารสัญญา
การบริหารลูกค้า จากระบบบริการหลังการขาย เจ้าหน้าที่จุดหนึ่งจุดใดเพียงจุดเดียวไม่สามารถตอบคำถามลักษณะนี้ได้ครบถ้วน
ทุกคนทั้งองค์กรต้องตระหนักว่า ผู้ที่เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความคาดหวังที่ถูกต้องให้กับลูกค้าคือพนักงานขายที่อยู่ตรงหน้าลูกค้า
เมื่อกำหนดการตามความคาดหวังของลูกค้าได้ถูกสร้างขึ้นอย่างถูกต้อง จึงเป็นการง่ายต่อเจ้าหน้าที่ในกระบวนการอื่น
ๆ ในการปฏิบัติตามให้สอดคล้องกับคำมั่นสัญญาที่ได้ให้กับลูกค้าไป เพราะเป้าหมายสูงสุดในการขายคือการทำให้ลูกค้าเกิดความสุขความพอใจสูงสุดต่อคุณภาพของสินค้าและบริการ |
บริษัท เอ็มโฟกัส จำกัด อาคาร ไอ ทาวเวอร์ ชั้น14 เลขที่ 888 ถ.วิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 ฝ่ายการตลาด: (662) 513-9892 ต่อ123-128 ฝ่ายบริการลูกค้า ต่อ110, 111, 112 โทรสาร: (662) 512-3890 แผนที่จากกูเกิ้ล | แผนที่รูปภาพ อีเมล์:marketing@m-focus.co.th สงวนลิขสิทธิ์โดย บริษัท เอ็มโฟกัส จำกัด |