Double-Track Rail Capacity Analysis Using Simulation Technique

ทัศนวิสัยโซ่อุปทาน (Supply Chain Visibility)

ความสัมพันธ์ของระบบ ERP Software กับระบบจัดตารางการผลิตและการวางแผนขั้นสูง (Advanced Planning & Scheduling)

ความสำคัญของการจำลองสถานการณ์ในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

 
ข้อคิดในการพัฒนาซัพพลายเชนโลกในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทย

APICS Extra, Vol 4, No. 11, November 25, 2009 - "The Dos and Don’ts of ERP Deployment," By Mark Jeffcoat, CPIM

The Metals Industry Why General ERP Isn’t Enough

 Logistics and Supply Chain Management Solutions


การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ด้วยมาตรฐาน RosettaNet

แนวทางการเลือกระบบ ERP ที่เหมาะสมกับองค์กร

มองโลจิสติกส์ไทยในหลายมิติกับ ดร.ปรีชา พันธุมสินชัย

เทคนิคการพยากรณ์ที่เหมาะสม สำหรับองค์กรธุรกิจ

การจัดการคลังสินค้า

M-Focus Logistics and Transportation Planning, ระบบวางแผนการขนส่ง

การจัดการโซ่อุปทาน : กุญแจสู่ความสำเร็จในธุรกิจอาหารสด-ตอนที่1
การจัดการโซ่อุปทาน : กุญแจสู่ความสำเร็จในธุรกิจอาหารสด-ตอนที่2

สู่การสร้างโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับโลกจุดเริ่มต้นสำหรับประเทศไทย

Simulation กับนักบริหาร

We can now create optimized schedules even though demand is changing all the time. Can you?

ILOG PLANT POWEROPS 3.0 Takes Production Planners to New Level for Managing Demand Variability and Building Executable Schedules

  • ERP Software for Automatives
  • ERP Software for Chemicals and Plastics
  • ERP Software for Food & Beverage
  • ERP Software for Printing & Packaging
  • ERP Software for Pharmaceuticals
  • ERP Software for Small Business
  • ERP Software for Textile
  • ERP Software for Logistics & Supply Chain
  • ซอฟต์แวร์อีอาร์พีสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์
  • ซอฟต์แวร์อีอาร์พีสำหรับกลุ่มพลาสติกและเคมีภัณฑ์
  • ซอฟต์แวร์อีอาร์พีสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
  • ซอฟต์แวร์อีอาร์พีสำหรับอุตสาหกรรมยา
  • ซอฟต์แวร์อีอาร์พีสำหรับธุรกิจขนาดย่อม
  • ซอฟต์แวร์อีอาร์พีสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม
  • ซอฟต์แวร์อีอาร์พีสำหรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และซัพพลายเชน

 

 แนวทางในการเลือกระบบ ERP (อีอาร์พี) ที่เหมาะสมกับองค์กร

ผู้เขียน: ชนะ สุพัฒสร และ ยงยุทธ ลิขิตพัฒนะกุล
บริษัท เอ็มโฟกัส จำกัด Bangkok, Thailand

............................................................................................

ความสำคัญของ ERP Plus(อีอาร์พี) ต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรม

สำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ระบบ ERP Software อีอาร์พีถือว่าเป็นระบบสารสนเทศที่กำลังได้รับความนิยมเพราะ ERP Softwareเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่เข้าไปควบคุมกระบวนการทำงานในทุกๆ หน่วยงานขององค์กรและเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกแผนกที่เกี่ยวข้องเข้ามาสู่ฐานข้อมูลศูนย์กลาง ERP ส่งผลให้ข้อมูลดำเนินงานสอดประสานอย่างคล้องจองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งบริษัท

ในปัจจุบัน ได้มีการขยายนิยามของคำว่า ERP อีอาร์พีไปเป็น Extended ERP อีอาร์พี หรือ ERP Plus อีอาร์พีพลัส ซึ่งหมายถึงการครอบคลุมความสามารถอื่น ๆ ในระบบ คือระบบ ซีอาร์เอ็ม CRM ซึ่งหมายถึงการบริหารทรัพยากรต่าง ๆ ขององค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งก่อนขาย เช่น ระบบการขายเชิงรุก (Sales Force Automation) และหลังการขาย เช่น ระบบสนับสนุนลูกค้า (Customer Support) ระบบ ERP Plus อีอาร์พีพลัส เป็น Software ERP ที่ใช้ในการควบคุมกระบวนการทางธุรกิจต่างๆ (Business Processes) ภายในองค์กรเกือบทุกจุดไม่ว่าองค์กรจะมีการทำธุรกรรมแห่งเดียวหรือหลายแห่ง ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตการจัดจำหน่ายและการเงิน และรวมไปถึงระบบสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหาร (Executive Information System) ดังแสดงในรูปภาพที่ 1 Extended Enterprise Solution and Customer Service

 
รูปภาพที่ 1 Extended Enterprise Solution and Customer Service

...................................................................................................
ปัจจัยในการพิจารณาตัดสินใจเลือกลงทุนในซอฟต์แวร์อีอาร์พี (ERP Software) มีดังนี้

1. การใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปหรือการพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมาเอง

การใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปหรือการพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมาเองต่างก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่จากอดีตจนถึงปัจจุบันพบว่า การใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะเมื่อพิจารณาจากในอดีตที่ผ่านมาบริษัทที่เลือกการพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมาเองพบกับความล้มเหลวในการนำระบบอีอาร์พี (ERP Software) ไปปฏิบัติเป็นส่วนใหญ่อันเนื่องมาจาก

  • ผู้ประกอบการไม่ใช่ผู้ที่คลุกคลีอยู่กับระบบคอมพิวเตอร์ธุรกิจจึงทำให้การออกแบบระบบไม่ครบถ้วน
  • ผู้ประกอบการขาดความรู้เรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากพอจึงทำให้ระบบที่ได้ล้าหลัง ไม่ทันสมัย และไม่รองรับอนาคต
  • ใช้เวลานานจึงทำให้งบประมาณบานปลาย สิ้นเปลืองทั้งเวลาและบุคลากรตลอดจนค่าใช้จ่ายทั้งทางตรงและทางอ้อม

ดังนั้นซอฟต์แวร์สำเร็จรูปจึงเป็นทางเลือกที่เร็วกว่าในการประยุกต์ใช้ให้เข้ากับองค์กรได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการนำระบบ ERP อีอาร์พีไปปฏิบัติ หลักฐานอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นก็คือ การเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ERP อีอาร์พีสำเร็จรูป และความนิยมที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางภายในเวลาอันรวดเร็ว

2. เทคโนโลยีและการออกแบบสถาปัตยกรรมของอีอาร์พี (ERP Software)

ปัจจัยด้านเทคโนโลยีของซอฟต์แวร์ คือ การพิจารณาถึงองค์ประกอบของซอฟต์แวร์อันหมายถึง ระบบปฏิบัติการ ระบบฐานข้อมูล ภาษาที่ใช้ในการพัฒนา เป็นต้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เราเรียกว่าเป็น สถาปัตยกรรมของซอฟต์แวร์ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดสภาพแวดล้อมของการใช้งานของระบบ ERP อีอาร์พี ในการพิจารณาเลือกสถาปัตยกรรมของซอฟต์แวร์ควรเลือกที่เป็นระบบเปิด (Open System) เนื่องจากแรงกดดันจากการค้าอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันรวมถึงอนาคตคุณจะต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคู่ค้าของคุณมากขึ้นจึงควรพิจารณาถึงระบบที่เปิดและสามารถเชื่อมต่อกับระบบภายนอกได้อย่างง่าย ๆ อีกส่วนหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ สถาปัตยกรรมจะต้องมีเสถียรภาพและความปลอดภัยมากพอที่จะรองรับธุรกิจของคุณได้ สำหรับในปัจจุบันสถาปัตยกรรมที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงคือเทคโนโลยีของ Microsoft ระบบ อีอาร์พี (ERP Software) บน Windows 2000 จึงเป็นทางเลือกที่แพร่หลายสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะความง่ายในการใช้งาน การหาบุคลากรและที่สำคัญมักจะมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนต่ำกว่าระบบปฏิบัติการอื่น

3. ฟังก์ชั่นของอีอาร์พี (ERP Software)จะต้องตอบสนองและสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจขององค์กร

ระบบ ERP Software มักจะมีฟังก์ชั่นการใช้งานมากมาย การนำซอฟต์แวร์ ERP ไปปฏิบัติให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่การที่จะต้องนำฟังก์ชั่นต่าง ๆ เหล่านั้นมาใช้ทั้งหมดเพราะนอกจากจะเป็นการสร้างงานส่วนเพิ่มให้กับพนักงานแล้วยังเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าอีกด้วย ผู้บริหารควรมีนโยบาย โดยคำนึงถึงเป้าหมายหลักของธุรกิจของตัวคุณเอง พิจารณาจากกระบวนการทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ที่ปรึกษา คู่ค้า หรือคู่แข่ง ตลอดจนเทคนิคการบริหารผลิตต่าง ๆ อันเป็นที่น่ายอมรับของคุณและคู่ค้า และนำนโยบายนั้นกำหนดเป็นเป้าหมายของการวางระบบอีอาร์พี
(ERP Software)และมีนโยบายในการทบทวนนโยบายดังกล่าวอยู่ตลอดเวลาถือเป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญในการวางระบบอีอาร์พี ขององค์กร เนื่องจากเป็นกระบวนการทำให้สำเร็จ ปัจจัยที่สำคัญที่มีการพิจารณาคือ

  • ฟังก์ชั่นการดำเนินงานของอีอาร์พี (ERP Software) ตรงใกล้เคียงกับนโยบาย และแนวทางธุรกิจสามารถพัฒนากระบวนการทางธุรกิจขององค์กรได้ ความหมายคือ ฟังก์ชั่นของระบบ อีอาร์พี (ERP Software)จะต้องมีทิศทางที่รองรับและแก้ไขปัญหาให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างตรงจุดตรงประเด็น เช่น ระบบอีอาร์พี (ERP Software) สำหรับผู้ประกอบการชิ้นส่วนรถยนต์ต้องรองรับเทคนิค JIT (Just in Time) หรือ Kanban เป็นต้น
  • ระบบอีอาร์พี (ERP Software) จะต้องใช้งานง่าย ลดเวลาในการทำงาน ลดระยะเวลาการปฏิบัติควรเป็นอีอาร์พี (ERP Software) แบบไร้กระดาษ (Paperless) ลดต้นทุนการปฏิบัติทั้งทางตรงและทางอ้อม
  • ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ทีมงานที่ปรึกษาซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการวางระบบ ERP อีอาร์พีจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในฟังก์ชั่นของ อีอาร์พี (ERP Software) ที่จะสามารถพัฒนาธุรกิจที่คุณดำเนินงานอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยพิจารณาจากประวัติ ผลงานเด่น ฯลฯ

4. การแก้ไขซอฟต์แวร์ด้วยตนเอง (Customization)

ต้องยอมรับว่าไม่มีระบบอีอาร์พี (ERP Software) สำเร็จรูปที่มีอยู่จะมีกระบวนการทำงานและสามารถพิมพ์เอกสารทุกประเภทที่คุณใช้งานอยู่ออกมาได้ตรงกับคุณ 100 % เต็ม บริษัททุกบริษัทมีรูปแบบของเอกสารการดำเนินงานต่างกัน เช่น เอกสารคำสั่งซื้อ ใบกำกับภาษี รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขโปรแกรมให้เข้ากับองค์กรไม่มากก็น้อยทุก ๆ บริษัท เป็นเหตุให้องค์กรต้องพิจารณาความสามารถในการแก้ไขซอฟต์แวร์ ว่ามีความยากง่ายสำหรับการแก้ไขมากเพียงใด ERP ที่ดี ควรจะสามารถทำการแก้ไขได้ง่าย และยังคงปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพของ ERP อีอาร์พีคือ หลังจากแก้ไขแล้วสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงต่อเวอร์ชั่นใหม่ได้ด้วย ดังที่ทราบกันในยุคปัจจุบันเป็นยุคของเทคโนโลยีแบบ Open Source การแก้ไขบางอย่างจำเป็นต้องใช้ Source Code เพื่อแก้ไข คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนซื้อว่าอีอาร์พี (ERP Software) ที่คุณซื้อนั้นมี Source Code มาด้วยหรือไม่? มิฉะนั้นในอนาคตคุณจะมีปัญหาในการแก้ไข หากว่ากระบวนการทางธุรกิจของคุณเปลี่ยนหรือแม้แต่คุณจะสร้างรายงานขึ้นมาเฉพาะทาง

5. การบำรุงรักษาซอฟต์แวร์ (Software maintenance)

การบำรุงรักษาซอฟต์แวร์คือ การแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบ ERP Software อีอาร์พีหลังจากองค์กรวางระบบ ERP อีอาร์พีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะติดตั้งระบบ ERP อีอาร์พี

  • ผู้บริหารควรจะต้องคำนึงถึงบุคลากรที่จะทำหน้าที่รักษากระบวนการทำงานของ ERP Software และฮาร์ดแวร์ให้คงประสิทธิภาพสม่ำเสมอ ดังเช่นที่กล่าวมาในหัวข้อที่ 2 ความง่ายของเทคโนโลยีของ ERP Software อีอาร์พีเป็นสิ่งที่ผู้บริหารควรคำนึงเพราะหากคุณเลือกใช้เทคโนโลยีที่ง่ายและแพร่หลายก็จะหาบุคลากรได้ง่ายและสามารถที่จะพัฒนา ERP ได้ต่อไปในอนาคต
  • และสำหรับกรณีที่บุคลากรในองค์กรไม่สามารถแก้ปัญหาเองได้ ซึ่งจำเป็นต้องให้บริษัทที่ปรึกษาทำการแก้ปัญหา องค์กรควรเลือกบริษัทที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ในการแก้ปัญหา และสามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มี Hot Line หรือบริการ Customer Support คอยตอบคำถามอย่างเป็นระบบอยู่ตลอดเวลา

6. ต้นทุนในการเป็นเจ้าของระบบ ERP อีอาร์พี(Cost of Ownership)

แน่นอนว่าองค์กรใหญ่และเล็กจะมีการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการลงทุนอีอาร์พี ERP Software ไม่เท่ากันผู้ประกอบการควรคำนึงถึงความเหมาะสมในการเลือกอีอาร์พี ERP Software ที่เหมาะกับตนเองจากปัจจัยทั้ง 5 ข้อด้านบนที่กล่าวมาในการพิจารณาต้นทุนของ ERP Software อีอาร์พีจะต้องพิจารณาต้นทุนทั้งหมดขององค์การที่ต้องลงทุน และต้องคำนึงถึงต้นทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวด้วย ต้นทุนในที่นี้ประกอบด้วยต้นทุนของซอฟต์แวร์ ต้นทุนการนำระบบ ERP Software อีอาร์พีไปปฏิบัติ (Implement) ต้นทุนการบำรุงรักษาซอฟต์แวร์ (Software Maintenance) หลังจากนั้นผู้ประกอบการควรวิเคราะห์ถึงเวลาที่ใช้ไปในการอบรมและพัฒนาบุคลากร เมื่อนำปัจจัยทั้งหมดมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับรวมถึงผลที่จะได้รับโดยเนื้องานในแต่ละส่วนแล้ว ต้นทุนทั้งหมดในการติดตั้งระบบ ERP อีอาร์พีของท่านจะเป็นเท่าไรจึงเหมาะสม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ หากท่านเป็นองค์กรที่ไม่ใหญ่มากแต่เลือกที่จะใช้ ERP อีอาร์พีที่มีฟังก์ชั่นมากมายเต็มไปหมดเกินความจำเป็นก็จะทำให้ท่านมี Cost of Ownership สูงกว่าคนอื่นที่เลือกติดตั้งอีอาร์พี ERP Software ที่มีฟังก์ชั่นเหมาะสมกับบริษัทของตนเอง

บทสรุป

ระบบอีอาร์พี
ERP Software เป็นระบบที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกขนาดในปัจจุบัน หากไม่มี ERP Software ท่านจะไม่สามารถที่จะแข่งขันได้อีกในอนาคตอันใกล้ การตัดสินใจเลือก ERP Software ของผู้บริหารควรเลือกระบบ ERP อีอาร์พี ที่เป็นระบบเปิด (Open Source) ใช้งานง่าย มีฟังก์ชั่นรองรับกับเทคนิคการบริหารการผลิตทั้งแบบ Push และแบบ Pull เช่นระบบ PowerCerv JIT (Just in Time) และคัมบัง (Kanban) ตลอดจนจะต้องหาบุคลากรได้อย่างไม่ลำบากเพื่อองค์กรจะได้ไม่มีปัญหาต่อการหาเจ้าหน้าที่
ERP
Software อีอาร์พีในปัจจุบันถูกนิยามใหม่เป็น ERP Plus อีอาร์พีพลัสดังนั้นจะต้องรองรับระบบ CRM ซีอาร์เอ็ม (Customer Relationship Management) การใช้ระบบ ERP อีอาร์พี ERP Software ให้มีประสบความสำเร็จนั้นมิใช่เพียงติดตั้งคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ หากแต่ต้องนำความสามารถของ ERP Software อีอาร์พีนั้นปรับปรุงการทำงานขององค์กรของคุณให้มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง เจ้าหน้าที่ผู้ขายตลอดจนบริษัทที่ติดตั้ง ERP อีอาร์พีจะต้องมีความรู้เชี่ยวชาญในธุรกิจของคุณอย่างแท้จริง ช่วยให้คุณและองค์กรบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด หากผู้บริหารนำปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดมาพิจารณาอย่างรอบคอบจะสามารถตัดสินใจเลือกระบบอีอาร์พี ERP Software ได้อย่างถูกต้องสำหรับองค์กรของคุณ

goto top

Software แนะนำ       


ระบบการขายเชิงรุก อาวุธใหม่ของนักรบแห่งสนามการค้า


การค้าขายในยุคพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้นการให้คำตอบที่ถูกต้องสำหรับการค้าขายได้อย่างรวดเร็วถือว่าเป็นหัวใจของการค้าในโลกยุคปัจจุบัน ระบบสารสนเทศกลายเป็นสิ่งจำเป็นของการให้คำตอบต่าง ๆ เหล่านั้นเพื่อรักษาและเพิ่มความพึงพอใจให้เกิดกับลูกค้าของคุณ

ลองจินตนาการดูนะครับว่าถ้าหากคุณเป็นพนักงานขายที่กำลังรับผิดชอบงานขายชิ้นสำคัญ คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับองค์กรยักษ์ใหญ่ระดับชาติ และกำลังจะปิดการขายในโครงการสำคัญมูลค่าหลายล้านบาท คุณรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะกับผู้บริหารระดับสูงขององค์กรนั้นถึงกำหนดการส่งมอบและข้อตกลงราคาต่าง ๆ แต่เมื่อคุณเดินทางกลับมาที่สำนักงานคุณพบว่า รายการผลิตภัณฑ์ที่คุณนำเสนอไปนั้นไม่มีอยู่ในคลังสินค้า และของมีแนวโน้มว่าจะขาดไปอีกหลายอาทิตย์ ยิ่งไปกว่านั้นราคาก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้นกว่าเดิมอีกมากเนื่องจากมีการประท้วงของคนงานที่โรงงานทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ถีบตัวสูงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว! ลูกค้าของคุณโกรธมากทันทีที่ได้รับข่าวนี้เค้ายกเลิกคำสั่งซื้อขายทันทีและหันไปตกลงซื้อขายกับคู่แข่งของคุณแทน

ปัญหาลักษณะนี้ของพนักงานขายเป็นที่รู้กันดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกำลังออกตลาด เค้าเหล่านั้นขาดข้อมูลสำคัญจากสำนักงานที่จะสามารถช่วยสร้างความสำเร็จในการปิดการขาย จึงทำให้พลาดโอกาสสำคัญและเสียลูกค้าไปบ่อย ๆ จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้วสำหรับผู้บริหารในยุคปัจจุบัน การเพิ่มประสิทธิภาพให้พนักงานขายของคุณเพื่อให้เค้าเหล่านั้นสามารถที่จะติดต่อสื่อสาร และประสานงานกับสำนักงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้นกลายเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจุบันมีการพูดถึงเทคโนโลยีในการสื่อสารเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวกันอย่างกว้างขวาง และซอฟต์แวร์ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในจุดนี้คือ ระบบการขายเชิงรุก (Sales Force Automation) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า SFA ซึ่งระบบที่ว่านี้เป็นเครื่องมือที่จะทำให้กระบวนการขายและการตลาดสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์สื่อสารไร้สายต่าง ๆ พนักงานของคุณสามารถทำรายการธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขาย เช่น การจัดตารางการนัดหมาย บริหารรายชื่อของลูกค้าที่ติดต่อ นำเสนอแผนโครงงาน นำเสนอโครงร่างผลิตภัณฑ์ เป็นต้น

ไม่เป็นที่แปลกใจเลยว่าในต่างประเทศความต้องการในการใช้ระบบการขายเชิงรุกมีเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการสำรวจทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท Ovum รายงานว่าการเริ่มต้นเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายของระบบการขายเชิงรุกเมื่อประมาณ 6 ปีก่อนในสหรัฐอเมริกาพบว่ามียอดจำหน่ายถึง 350 ล้านดอลลาร์ (? 17,500 ล้านบาท) และมีอัตราเพิ่มขึ้นเป็น 50% ทุกปีจนถึงปัจจุบันจากการรายงานของ Ovum พบว่ากระแสการตื่นตัวในการใช้ระบบการขายเชิงรุกนับเป็นการเติบโตที่รวดเร็วมากที่สุดในธุรกิจซอฟต์แวร์เลยทีเดียว

แต่ทั้ง ๆ ที่ปริมาณเงินที่มากมายถูกทุ่มเทลงไปในการพัฒนาระบบการขายเชิงรุก ผู้ใช้กลับยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควรทั้งนี้เป็นเพราะว่า ระบบการขายเชิงรุกในอดีตเป็นระบบเดี่ยว (Stand Alone System) ไม่ได้เชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับระบบอื่น ๆ เช่นระบบบริหารทรัพยากรองค์ (Enterprise Resources Planning เรียกสั้น ๆ ว่า ERP) หรือระบบบริการหลังการขาย (Customer Support) ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องหากระบบต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้เชื่อมโยงเข้าหากัน

การเชื่อมโยงคือหัวใจ ในต่างประเทศมีหลายบริษัทที่ได้นำเทคโนโลยีซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของซอฟต์แวร์ ERP Software นั่นคือซอฟต์แวร์ที่เป็น ERP Plus (คำว่า Plus ในที่นี้เป็นส่วนขยายเพิ่มเติมจากระบบ ERP หมายถึงการเชื่อมโยงระบบ ERP Software เข้ากับระบบการขายเชิงรุกและระบบบริการหลังการขาย) จึงทำให้กระบวนการทำงานทั้งหมดของบริษัทถูกเชื่อมโยงข้อมูลเข้าหากันอย่างมีประสิทธิภาพ และทันเวลา เพราะโดยปกติแล้วพนักงานขายจะต้องพยายามให้คำตอบที่แม่นยำที่สุด เช่นว่า สินค้ามีหรือไม่? พร้อมจะมีเมื่อไร? และสามารถส่งมอบได้เมื่อไร? คำถามเหล่านี้ส่งผลโยงใยมาถึงระบบซอฟต์แวร์ต้องสามารถให้คำตอบดังกล่าว ข้อมูลทั่วทั้งองค์กรจะต้องถูกนำมาใช้ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางด้านสินค้าคงคลัง การผลิต การวางแผนการผลิต ฯลฯ จากระบบ ERP หรือข้อมูลทางด้านการบริหารสัญญา การบริหารลูกค้า จากระบบบริการหลังการขาย เจ้าหน้าที่จุดหนึ่งจุดใดเพียงจุดเดียวไม่สามารถตอบคำถามลักษณะนี้ได้ครบถ้วน ทุกคนทั้งองค์กรต้องตระหนักว่า ผู้ที่เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความคาดหวังที่ถูกต้องให้กับลูกค้าคือพนักงานขายที่อยู่ตรงหน้าลูกค้า เมื่อกำหนดการตามความคาดหวังของลูกค้าได้ถูกสร้างขึ้นอย่างถูกต้อง จึงเป็นการง่ายต่อเจ้าหน้าที่ในกระบวนการอื่น ๆ ในการปฏิบัติตามให้สอดคล้องกับคำมั่นสัญญาที่ได้ให้กับลูกค้าไป เพราะเป้าหมายสูงสุดในการขายคือการทำให้ลูกค้าเกิดความสุขความพอใจสูงสุดต่อคุณภาพของสินค้าและบริการ


บริษัท เอ็มโฟกัส จำกัด
อาคาร ไอ ทาวเวอร์ ชั้น14 เลขที่ 888 ถ.วิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
ฝ่ายการตลาด: (662) 513-9892 ต่อ123-128   ฝ่ายบริการลูกค้า ต่อ110, 111, 112 โทรสาร: (662) 512-3890   
แผนที่จากกูเกิ้ล | แผนที่รูปภาพ  อีเมล์:marketing@m-focus.co.th
สงวนลิขสิทธิ์โดย บริษัท เอ็มโฟกัส จำกัด